fbpx

ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนัก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้หรือไม่

ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนัก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้หรือไม่

ปัญหาความอ้วน หรือ น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เสียความมั่นใจในเรื่องรูปร่าง แต่ยังนำพาโรคร้ายต่างๆ มาให้ด้วย ดังนั้น การลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งเร่งด่วนที่ควรทำ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า การลดความอ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ บางคนก็ล้มเหลวจนสิ้นหวัง โชคดีที่ปัจจุบันเรามีตัวช่วยอันเป็นทางเลือกใหม่ในการลดความอ้วนให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งก็คือ “ปากกาลดความอ้วน” นั่นเอง

ใบหม่อนจะเฮลตี้🍕 on Twitter: "🖌 ปากกาลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักได้จริงมั้ย ? เรื่องมีอยู่ว่าเลื่อนผ่านไปเจอปากกาลดน้ำหนัก(อีกแล้ว) แต่ยังไม่เคยพูดถึงแบบจริงๆจังๆสักที ปากกาลดน้ำหนักที่เห็นขายกันเกลื่อนกลาดไม่ว่าจะในเนตหรือตามคลินิคความงาม มันช่วยอะไรและ ...

ปากกาลดความอ้วนคืออะไร ทำไมถึงช่วยลดความอ้วนได้สำเร็จ
ปากกาลดความอ้วน จัดเป็นยาลดน้ำหนักชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายกับปากกา การใช้งานจะเป็นการฉีดยาเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนัง ตัวยาจะเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการควบคุมสมองทำให้ไม่รู้สึกหิว ความอยากอาหารลดลง ทำให้ควบคุมการรับประทานอาหารได้ดีขึ้น สรรพคุณของตัวยายังมีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปนั้นย่อยช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอาหารและลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

รู้หรือไม่…ใช้ปากกาลดน้ำหนักผิดๆ อาจเสี่ยงโยโย่ | โรงพยาบาลวิมุต

ปากกาลดความอ้วน เหมาะกับใครมากที่สุด
ในความเป็นจริงแล้ว ปากกาลดความอ้วนเหมาะสำหรับคนอ้วนทุกเพศทุกวัย โดยใครก็ตามที่มี BMI เกิน 27 ซึ่งจัดว่ามีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน สามารถใช้ปากกาลดความอ้วนได้ แต่ทั้งนี้ด้วยเพราะกลไกหลักของปากลดความอ้วนเน้นการควบคุมปริมาณแคลอรีเข้าสู่ร่างกาย จึงอาจไม่เหมาะกับ “คนที่ปกติกินน้อย” หรือ “ไม่ชอบกินจุกจิก” เพราะการใช้ปากกาลดความอ้วนจะยิ่งทำให้ทานน้อยลงไปอีก จนอาจส่งผลให้ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรีที่ไม่เพียงพอ ดังนั้น ปากกาลดความอ้วนจึงเหมาะเป็นพิเศษกับผู้ที่กินเก่ง ชอบทานจุกจิก และไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ เพราะจะทำให้สามารถจำกัดปริมาณการกินได้ดี อันนำไปสู่การควบคุมปริมาณแคลอรีและน้ำหนักตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ผลข้างเคียงที่ต้องรู้ไว้ เมื่ออยากใช้ปากกาลดความอ้วน
แม้ปากกาลดความอ้วนอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้อยู่บ้าง เนื่องจากกลไกในการทำงานของยาที่ฉีดเข้าไปจะมีผลในการลดอัตราการบีบตัวของลำไส้ จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดท้องผูกจากการที่ลำไส้ทำงานช้าลง กว่าจะย่อยอาหารออกเป็นกากใย เป็นอุจจาระ จึงใช้เวลานานกว่าเดิม และเนื่องจากตัวยาส่งผลทำให้รู้สึกอิ่มไว จึงอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอมได้ง่ายเวลาทานอาหาร โดยเฉพาะเมื่อทานแบบเร่งรีบ หรือทานมื้อใหญ่ๆ ในปริมาณมาก ดังนั้น ในการรับประทานอาหารที่น้อยลง จึงจำเป็นต้องควบคุมคุณภาพของอาหารที่รับประทานเข้าไปให้ดีด้วย ถึงจะเป็นการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ซึ่งคำแนะนำคือ ควรเน้นการทานโปรตีนให้มาก ลดคาร์โบไฮเดรตและไขมันลง ทั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่การใช้ปากกาลดความอ้วน แต่เป็นการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น หากแนวทางในการลดน้ำหนักเหล่านั้น คือการควบคุมปริมาณแคลอรีแล้ว ก็จำเป็นต้องควบคุมคุณภาพอาหารที่รับประทานเช่นเดียวกัน

การทำงานของปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักเป็นยาลดน้ำหนักตามใบสั่งแพทย์ ทำงานโดยควบคุมระดับของฮอร์โมนที่เรียกว่า Glucagon-Like-Peptide-1 (GLP-1) ซึ่งผลิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย และช่วยควบคุมความอยากอาหารและการย่อยอาหาร ส่งผลให้น้ำหนักลดลง ยานี้ใช้เป็นส่วนเสริมของอาหารที่มีแคลอรีลดลง และเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อรักษาโรคอ้วน โดยฉีดเข้าที่ร่างกายบริเวณท้อง เพื่อให้ตัวยาเข้าไปบริเวณกระเพาะอาหาร โดยตัวฮอร์โมนมีหลายประเภทและมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งแบบฉีดทุกวัน สัปดาห์ละครั้ง สำหรับคนที่กลัวเข็ม ก็ยังมีแบบรับประทาน ที่ต้องทานทุกวันโดยมีปริมณที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล GLP-1 Glucagon-Like-Peptide-1 เป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับกลูโคสในร่างกายและส่งเสริมการหลั่งอินซูลิน นอกจากนี้ยังมีผลทางสรีรวิทยาอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น ลดความอยากอาหาร และชะลอการถ่ายอุจจาระในกระเพาะอาหาร GLP-1 agonists ซึ่งเป็นยาที่เลียนแบบผลของ GLP-1 ใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคอ้วน ยาเหล่านี้ทำงานโดยเพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดการผลิตกลูโคสจากตับ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมระดับน้ำตาลที่ดีขึ้น

ระดับน้ำตาลอันตรายไหม
กลูโคสเองไม่เป็นอันตราย แต่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (น้ำตาลในเลือดสูง) อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพได้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังสามารถนำไปสู่การพัฒนาของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น โรคหัวใจหลอดเลือด ความเสียหายของเส้นประสาท โรคไต และปัญหาเกี่ยวกับดวงตา นอกจากนี้ ระดับกลูโคสที่สูงมาก อาจทำให้เกิดภาวะที่คุกคามชีวิตได้ เช่น ภาวะกรดคีโตซิไดซิส จากเบาหวาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน สิ่งสำคัญต้องควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงเป้าหมาย

ป้องกันการเกิดโรคหัวใจแหละหลอดเลือด
โรคหัวใจหรือที่เรียกว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นคำกว้างๆ ที่หมายถึงสภาวะที่ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของโลก โรคหัวใจมึหลายรูปแบบได้แก่
1. โรคหลอดเลือดหัวใจ (CAD) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงที่ส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ หรืออุดตัน นำไปสู่อาการเจ็บหน้าอด หรือหัวใจวาย
2. โรคลิ้นหัวใจ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อลิ้นหัวใจรั่วอย่างหน่อยหนึ่งวาล์วทำงานผิดปกติ นำไปสู่การบ่นของหัวใจและอาการอื่นๆ
3. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของจังหวะการเต้นของหัวใจปกติ ที่อาจทำให้ใจสั่น หายใจถี่หรือแม้แต่เสียชีวิตอย่างกะทันหันได้

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้แก่ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง การสูบบุหรี่ โรคอ้วน การรับประทานอาหารที่ไม่ดี การขาดการออกกำลังกาย และประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ สิ่งสำคัญเลยก็คือต้องดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ และควบคุมน้ำหนักและสุขภาพของตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ช่วยยับยั้งเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับกลูโคส (น้ำตาลชนิดหนึ่ง) ในเลือดได้

เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากการขาดอินซูลิน เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถหลั่งอินซูลินได้ ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้เกิดภาวะขาดอินซูลิน ซึ่งเบาหวานชนิดนี้มักพบในเด็กและผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี

เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากภาวะการลดลงของการสร้างอินซูลิน ร่วมกับภาวะดื้ออินซูลิน และมักเป็นกรรมพันธุ์ เกิดจากการที่เซลล์ของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดีหรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายเหมือนขาดอินซูลินไประดับหนึ่ง ร่างกายต้องทดแทนโดยการสร้างอินซูลินออกมามากขึ้น จนตับอ่อนทำงานมากขึ้น ทำให้ระดับอินซูลินที่ไม่พอเพียงแก่ความต้องการ สาเหตุของภาวะดื้ออินซูลินนั้นเกิดได้จากพันธุกรรม ความอ้วน และการไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น

โรคเบาหวานทั้งสองชนิดสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่ร้ายแรงได้ หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงโรคหัวใจ เส้นประสาทถูกทำลาย โรคไต และปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เพื่อช่วยในการจัดการโรคเบาหวาน สิ่งสำคัญคือต้องรักษาการควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี ผ่านการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง

แต่สำหรับคนที่เป็นผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการยับยั้งน้ำตาลเพื่อสุขภาพที่ดี ที่ใช้ปากกาลดน้ำหนัก ยังคงมีคำถามอีกมากมายไม่ว่าจะ ระดับกลูโคสของฉันคือเท่าไร?, การใช้ปากกาครั้งสุดท้ายของฉันคือเมื่อไหร่? , ฉันควรจะใช้งานต่อหรือไม่ ?

และด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง CGM เป็นเครื่องมือที่จะเป็นตัวช่วยอย่างยิ่งในการดูผลระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องในระหว่างการใช้ปากกาลดน้ำหนัก เพื่อช่วยควบคุมพฤติกรรมในการกิน และช่วยให้เราสามารถดูระดับน้ำตาลในระหว่างวัน เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (continuous glucose monitoring; CGM) เป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลได้แบบต่อเนื่องตลอดเวลา และส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือได้แบบเรียลไทม์ มีระบบเตือนเมื่อระดับน้ำตาลตก ช่วยให้ผู้ป่วยดูแลตนเองได้ และส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต แพทย์ประจำตัวสามารถเข้าถึงผลน้ำตาลแบบเรียลไทม์ วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

บอกระดับน้ำตาลในเลือดผ่าน App ในมือถือ โดยตัวเครื่องเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth

ผู้ป่วยเบาหวานที่เจาะน้ำตาลปลายนิ้วอยู่แล้ว ทำไมยังต้องติดเครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง?

  • เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่องสามารถบอกแนวโน้ม (trend arrow) การขึ้นลงของระดับน้ำตาลซึ่งไม่สามารถบอกได้โดยการเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว มีข้อดีคือช่วยในการปรับยา อาหารและการออกกำลังกายได้แบบเรียลไทม์
  • มีแอพพลิเคชั่นเตือน (alarm) ให้ดื่มน้ำหวานทันทีที่น้ำตาลเริ่มตก แม้ในขณะนอนหลับอยู่
  • มีระบบดูแลและเฝ้าระวัง (remote monitoring) จากทีมสหสาขา และใช้ข้อมูลที่ได้จากเครื่องวางแผนปรับพฤติกรรมแบบเรียลไทม์ เพื่อควบคุมค่าระดับน้ำตาลสะสม (estimated HbA1C หรือ glucose management indicator; GMI) ให้ดีขึ้นได้ใน 2 สัปดาห์
CGM การใช้วัดน้ำตาลแบบต่อเนื่อง
  • ระดับน้ำตาลในเลือด เมื่องดอาหารอยู่ระหว่าง 70-100 mg/dl หลังทานอาหารน้อยกว่า 140 mg/dl : คุณอยู่ในภาวะปกติ
  • ระดับน้ำตาลในเลือด เมื่องดอาหารอยู่ระหว่าง 100 – 125 mg/dl หลังทานอาหารอยู่ระหว่าง 140-200 mg/dl : คุณมีภาวะความเสี่ยง หรือเรียกว่า เบาหวานแฝง
  • ระดับน้ำตาลในเลือด เมื่องดอาหารระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 mg/dl หลังทานอาหารมากกว่า 200 mg/dl : คุณมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

CGM vs BGM | วัดน้ำตาลแบบเจาะเลือด vs แบบติดวัดผลต่อเนื่อง ต่างกันอย่างไร? อ่านต่อ >> https://www.elifegear.com/cgm-vs-bgm-vs-a1c/

สรุปว่า ปากกาลดน้ำหนักมีหลักการทำงานอย่างไร ?? 
โดยรวมแล้ว ปากกาลดน้ำหนักมีความสามารถในการยับยั้งพฤติกรรมการกิน ป้องกันการรับประทานอาหารที่เกินความจำเป็นมากจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายต่างๆ มากมาย ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต ทุกคนควรตระหนักและเข้ามจร่างกายของตนเองและหมั่นดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการกินอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่กับการออกกำลังกาย และเลี่ยงอาหารที่เป็นพิษเช่น บุหรี่ สุรา เป็นต้น