กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน ผมเป็นคนใช้ CPAP ครับ เริ่มใช้มา 2ปีแล้ว เริ่มจากเริ่มทำ Sleeptest ผ่านช่วงวัดใจ 1 อาทิตย์แรกที่อยากเอาเครื่องไปทิ้ง จนปัจจุบันต้องใช้ CPAP ทุกวัน เคยทำบทความอื่นมาบ้าง แนะนำใช้ CPAP พกไปทุกที่ไม่ว่าจะเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ เคยใช้งาน CPAP เกือบ 10รุ่นทั้งแบรนด์จีน, ออสเตรเลีย และ เยอรมัน และหน้ากากหลายอัน แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน อันนี้เป็นมุมมองของผมครับ
คราวนี้ผมจะมารีวิวการใช้งานเครื่อง AirSense11 ซึ่งเป็น Brand กระแสหลักที่ขายดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน มันจะดีจริงกับราคาที่จัดว่าสูงใช้ได้เลยหรือเปล่า ผมใช้งานมา AirSense11 มาทั้งหมด 6 เดือนติดต่อกัน หน้ากากตัวปัจจุบันที่ผมชอบใช้คือ P30i Pillow แบบหน้ากากดำน้ำ
note : บทความนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการับชม
- ตัวเครื่องวัสดุ (Hardware)
- ประสบการณ์ใช้งาน (User Experience)
- ประสบการณ์นอน (Sleep Experience)
- ความสะดวกในการพกพาไปเที่ยว
- การติดตามผลการนอน (App/Software)
- เรื่องที่ชอบ AirSense11
- เรื่องที่ไม่ชอบ AirSense11
- เหมาะกันใคร AirSense11
- ถ้าใช้ AirSense10 อยู่ควรซื้อ AirSense11 ไหม?
- สิ่งที่จะฝากบอก
Hardware ตัวเครื่อง วัสดุ
โดยรวมวัสดุดูดีครับ มองจากรูปลักษณ์ดีไซน์สวย ทันสมัย มินิมอล ที่เห็นได้ชัดคือเครื่องมีขนาดเล็กลง เตี้ย และ ยาวครับ เมื่อลองยกรู้สึกน้ำหนักเบาลง สัมผัสเป็นพลาสติกๆ ผมสรุปเป็นจุดเด่นต่างๆไว้ดังนี้


- ตัวเครื่องเบา สวย แต่ดูเป็นพลาสติก จุดที่เห็นได้ชัดเจนเครื่องดูสวย เล็กแต่ยาว น้ำหนักเบา พลาสติกฉีดขึ้นรูปคุณภาพดี แต่ให้ดูอย่างไง Hardware ก็ไม่น่าราคาสูงขนาดนี้ ดูเป็นพลาสติก
- ซีลมาดีขึ้น กันน้ำได้ดีขึ้น แต่ก็ระวังอย่าทำน้ำหกใส่ (เวลาซ่อม ช่างต้องใช้ไขควงทอร์ค ในการหมุนปิด เพราะซีลยางออกแบบมาเพื่อกันน้ำในระดับที่กำหนดทอร์คไว้)
- กระเป๋าเล็กลง พกพาไปใช้ตจว. ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
- ไม่แถม SD Card มากับตัวเครื่องจ้า ทางตัวแทนจำหน่ายอาจจะแถมให้ หรือ ซื้อมาใส่เองได้ SD Card ทำหน้าที่บันทึก Parameter ต่าง ๆ ที่เรานอนในทุกระดับการหายใจ ทุก Flow หากไม่มี SD Card เครื่องจะบันทึกข้อมูลแบบหยาบที่ไว้ส่งขึ้น Cloud สรุปไม่มี SD Card ก็ใช้ได้ MyView(App มือถือของผู้ใช้), AirView(Web Portal สำหรับ Partner,Clinic) ใช้ได้ แต่จะไม่มีข้อมูลละเอียดทุกอย่าง เพื่อใช้ใน Resscan(Software ที่วิเคราะห์คนไข้แบบความละเอียดสูง ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอ่านผล)
- ท่ออากาศ Climateline Air11 ทำออกมามีคุณภาพดีแข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่าย แต่ข้อสังเกตคือหัวเสียบเป็นท่อตรง (Air10 หัวเสียบจะทำมุม 90องศา เวลาตั้งเครื่องข้าง ๆ ตัว ท่อ Air10 ดีกว่า) จุดนี้ผมมองว่า AirSense10 ดีกว่า สะดวกกว่า
- Cleanable/Washable Water Tub แทงค์ใส่น้ำรุ่นนี้ให้มากับเครื่องเลย เป็นแบบหล่อขึ้นทั้งชิ้นไม่ได้มาประกอบประกบ (ใครเคยใช้ AirSense10 แรกๆจะรู้ว่าต้องซื้อแทงค์น้ำเปลี่ยนบ่อยมากเพราะมันเป็นพลาสติกสองชิ้นมาประกบ แต่ AirSense11 มาแบบหล่อขึ้นทั้งชิ้น) อันนี้ดีชื่นชม ล้างในเครื่องล้างจานได้ด้วย
- Air Inlet ถอดออกมาล้างได้ง่ายขึ้นเยอะ แนะนำให้ทำความสะอาดทุกอาทิตย์
- หน้าจอแสดงผลมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า AirSense10 และปุ่มกดแบบหมุน Dial หายไป เป็นแบบ Touch Screen อินเตอร์เฟสมีความลื่นไหลพอควร
- Air Filter อยู่หลังเครื่องมีขนาดเล็กลง Air Filter ของ **Air11 ใช้กับ Air10 ไม่ได้ ขนาดไม่เท่ากัน**




User Experience ประสบการณ์ใช้งาน
ประสบการณ์โดยรวมในการใช้งาน ดีครับ ไม่ได้แตกต่างแบบสุดขั้วกับตัว Top ของ Brand อื่นๆ แต่ต้องยอมรับว่า Airsense11 ดีที่สุดที่เคยใช้งานมาครับ (ผมใช้งานมากว่า 10รุ่นแล้ว)
- Auto Start/Stop ทำงานได้ดีมากจนไม่เคยแตะหน้าจอเลย Touch Screen ใช้ตอนซื้อเครื่องครั้งแรกตอน Setting ครั้งเดียว คือใช้หน้ากากหายใจเครื่องจะทำงานทันที เมื่อถอดหน้ากากประมาณ 3 วินาทีเครื่องก็หยุดการทำงานเลย อันนี้ค่อนข้างสะดวก ไม่แน่ใจว่าเป็นผมคนเดียวหรือเปล่า
- Upload ข้อมูลเราขึ้น Cloud จะใช้เวลาแค่ 20 วินาที (ส่วน AirSense10 อาจจะใช้เวลา 30-60 นาที หลังจากหยุดการใช้งาน)
- Connection ต่อเชื่อมกับมือถือ ผ่าน Bluetooth, Wifi ทำได้ดี นิ่งไม่ค่อยมีปัญหา
- การเข้าสู้โหมด Expert (Resmed เรียก Clinical Mode) ทำได้ไม่ยากเพียงกด Touch Screen สองปุ่มค้างไว้ (My Option + More ค้าง 3 วินาที) สามารถตั้งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียดดี เช่น ตั้งค่าความชื้น, อุณหภูมิท่อร้อน (อันนี้ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน ส่วนตัวผมชอบร้อน และชื้น) สามารถตั้ง For Her ที่ Menu ได้
- ใช้ได้ทั้งชาย และหญิงเลย ไม่ต้องแยกเครื่อง “For Her” คือ Mode ที่มาเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ Sensitive กับแรงดันลมมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงมีโอกาสสะดุ้งตื่นได้ง่ายกว่าผู้ชาย For Her จะเพิ่ม หรือ ลดแรงดันอย่างนุ่มนวลกว่า อีกทั้งผู้หญิงมีแนวโน้ม Hypopneas หายใจแผ่วไม่ถึงขั้น Apnea เหมือนผู้ชาย Algorithm จึงมีความแตกต่างกับผู้ชาย สำหรับในรุ่น AirSense10 “For Her” จะแยกขายเป็นอีกรุ่นไปเลย AirSense11 ร่วบระบบนี้ไว้ในเครื่องเดียวไม่ได้ขายแยกเครื่องธรรมดากับเครื่อง “For Her”


Sleep Experience ประสบการณ์การนอน
ผมจะให้ความเห็นในส่วนของเครื่อง CPAP อย่างเดียวไม่ได้รวมเรื่องหน้ากากครับ โดยรวมการใช้งานดีไม่อึดอัดเวลาใช้งาน เวลาหายใจเข้าเครื่องทำได้ดี และเมื่อถึงจุดหายใจเข้าสุด และกำลังจะหายใจออกเครื่องทำงานต่อเนื่องแทบจะไม่รู้สึกสะดุด การหายใจใกล้เคียงกับการหายใจโดยไม่ได้ใช้ (Smooth ดีกว่า Airsense10)
- Auto Start / Stop ตอบสนองได้ดี แทบไม่เคยต้องไปกดที่เครื่องเลย เมื่อสวมหน้ากากเครื่องเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อถอดหน้ากากออกประมาณ 3 วินาทีเครื่องหยุดทำงาน การทำงานนิ่ง เงียบมาก จนบางครั้งไม่รู้ว่าทำงานอยู่หรือเปล่า (อันนี้คำชมนะครับ) ต้องแอบแง้มหน้ากาก อ๋อลมออกแรงอันนี้ทำงานอยู่
- เพิ่มและปรับลดแรงดันได้ Smooth มากใกล้เคียงกับการหายใจปกติ ผมใช้โหมดปกติ สำหรับผู้หญิงแนะนำ Mode For Her
- การหรี่แสงตอบสนองได้เร็วขึ้น เมื่อปิดไฟในห้องนอน เครื่องหรี่ไฟหน้าจอเกือบจะทันที
- ไม่ชอบข้อต่อ ตำแหน่งการวางเครื่องจึงเปลี่ยน เวลาเป็นข้อต่อตรง เราจะวางเครื่องข้างๆเราลำบาก กลายเป็นว่าผมต้องวางเครื่องให้หันหน้าจอออก ตรงส่วนนี้คิดว่าไม่ดีเลย
- เสียง เป็นอีกเรื่องที่ผู้ใช้กังวัลมากที่สุด เพราะมันจะรบกวนคนที่นอนข้าง ๆ เรา AirSense11 ซีลเครื่องมาดี เท่าที่ใช้มา 6 เดือน มันเงียบมาก (แต่ปกติใช้ไปนาน ๆ จะเริ่มมีเสียงครับ) เรื่องการสั่นของตัวเครื่องก็ทำได้ดี บางทีไม่รู้ตัวว่าเปิดเครื่องอยู่ด้วยซ้ำ
ความสะดวกในการพกพาไปเที่ยว
(มิติของขนาดพกพา, มิติของ eSIM, Bluetooth สามารถเชื่อมต่อ Health Device อื่นได้ด้วยเช่น Apple Watch)
การนำ Airsense11 ไปใช้ในที่ต่างๆ ก็กินเนื้อที่ประมาณหนึ่งครับแต่นับว่าเล็กลง และเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยทั่วไปเมื่อผมจัดกระเป๋าเดินทางผมจะยัดกระเป๋าเข้าด้วยทั้งกระเป๋า เพราะมีประสบการณ์ แทงค์น้ำของ Airsense10 แตกตอนวางไว้แยกชิ้นในกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าที่ให้มาคุณภาพดีพอควร
- สะดวกเพราะ e-SIM การติดตามผลการนอนไม่สะดุด เพราะเกือบทุกที่ในโลกมีสัญญาณมือถือ 3G / 4G อยู่แล้ว
- Connect โดยใช้ Wifi และ Bluetooth ได้
- เชื่อมต่อกับ Smart Device อื่นๆ เช่น Apple Watch
- เครื่องเบา ขนาดเล็กลง และ Water Tub ที่เคยมีปัญหาหาว่ารั่วแตกง่ายตอนนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว

การติดตามผลการนอนของ Airsense
ข้อดีอย่างเห็นได้ใช้ในการใช้งาน Brand Resmed คือ App ติดตามผลที่ให้มาถึง 3ระดับ คือระดับเริ่มต้น User Level ใช้ “MyAir”, ระดับกลาง Clinical Level ใชั “Airview”, ระดับสูง Medical Level ใช้ “Resscan” โดยแต่ละระดับมีจุดเด่น และการดึงข้อมูลที่แตกต่างกันครับ
App MyAir (ส่วนของ User/ Upload ผ่าน e-SIM)
ขณะใช้เครื่องทุกคืน เราจะเห็นที่หน้าจอเครื่อง CPAP จะมีรูปเสาสัญญาณมือถืออยู่ นั้นคือสถานะของ e-SIM ที่มากับตัวเครื่องอยู่แล้ว (อย่างเมืองไทย จะต่อกับ AIS, Dtac/True อัตโนมัติ ผมเคยไปใช้ญี่ปุ่น อิตาลี สวิส ก็จะเชื่อมต่อกับโครงข่ายมือถือประเทศนั้น ๆ Roaming อัตโนมัติ) เครื่องจะทำการ Upload ข้อมูลการใช้งาน การหายใจเข้าทุกครั้งเมื่อจบรอบการทำงาน โดยจะ Upload ข้อมูลขึ้น Server ในโซนนั้น ๆ ผลการนอนนี้เอง เราสามารถเปิดดูผ่าน App ได้
MyAir เป็นการดูผลอย่างย่อที่สุด ง่ายที่สุด มีการบอกคะแนนการนอน สิ่งที่เราควรปรับปรุงให้เรานอนดีขึ้น และ มีแนะให้เปลี่ยนฟิลเตอร์เปลี่ยนหน้ากากเป็นช่วง ๆ (บางคนอาจมองว่ามาขายของ) สามารถดึง Report อย่างง่ายได้ ซึ่งเพียงพอต่อการไปปรึกษาแพทย์เบื้องต้นได้

AirView (ส่วนของ Authorized Partner/Web Portal / Upload ผ่าน e-SIM)
AirView เป็น Web Portal สำหรับผู้ขาย,คลีนิค,โรงพยาบาล ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าได้เอง ความละเอียดของข้อมูลจะมากกว่าใน MyAir ระดับหนึ่งเลย โดยข้อมูลที่อยู่ใน AirView เกิดจากการ Data Upload โดย e-SIM เช่นกัน โดยผู้ใช้ควรจะเสียบ SD Card เข้าใจว่า SD Card บันทึกข้อมูลการนอน แล้ว e-SIM Upload ข้อมูลที่ครั้งที่กด Stop
Remote Setup ผู้ขาย คลีนิค โรงพยาบาล สามารถปรับค่าเครื่องได้จากระยะไกล สามารถตั้งค่าแรงดัน Min, Max ค่าความชื้น ความร้อนของท่อ (กรณีที่ผู้ใช้ปรับเองไม่เป็นครับ) ผู้รักษาปรับค่าต่าง ๆ จากระยะไกลได้ เมื่อเครื่องต่อกับเครือข่ายมือถือ ระบบจะตั้งค่าตามที่ผู้รักษาตั้ง
Report ผู้ขาย ผู้รักษา สามารถดึงข้อมูลการใช้งานเครื่อง ผลการนอน ผลการใช้งานเครื่อง (ในหลายประเทศจะเบิกเงินได้ต้องใช้งานเครื่องเกิน 80%) หรือ ทางโรงพยาบาลเตรียมข้อมูลในการประกอบวิเคราะห์ผล ให้คุณหมอ อ่านได้


Resscan (ส่วนของการวิเคราะห์ระดับสูง Authorized Partner/ Software / Upload ผ่าน SD Card)
ส่วนสุดท้ายคือ ข้อมูลการนอนอย่างละเอียดที่สุด ต้องใช้ Software ResScan ในการเปิดอ่านข้อมูลที่มีจะละเอียดมาก ทุกลมหายใจ ในวิเคราะห์เคสพิเศษ หรือ ดูผลการนอนที่ละเอียดที่สุด ในส่วนนี้ผมจะไม่ลงรายละเอียด การ Upload จะเป็นแบบ Offline โดยดึงข้อมูลจาก SD Card

เรื่องที่ชอบ AirSense11
- Resmed รักษาคุณภาพตัวเองได้ดี หัวใจที่เด่นน่าจะเป็นเรื่อง Big Data ทำให้ Algorithm ในการเพิ่มหรือลดแรงดันทำมาได้ดีมาก ๆ บางครั้งให้ความรู้สึกสบายเหมือนไม่ได้ใส่เครื่อง CPAP อยู่ นี่อาจเป็นสาเหตุให้ Resmed ลงทุนเรื่อง e-SIM และจ่ายเงินให้ใช้ได้ทั่วโลก เพื่อเก็บ Big Data นั้นเอง
- เครื่องสวย เงียบ เครื่องไม่สั่น
- Auto Start / Auto Stop ทำได้ดีมาก
- User Interface ใน MyAir ทำเข้าใจง่าย มีคำแนะนำต่าง ๆ ที่มีประโยชน์
เรื่องที่ไม่ชอบ AirSense11
- เรื่องราคาที่สูง เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น ๆ
- ไม่เฉพาะเครื่อง หน้ากากก็ยังค่อนข้างมีราคาสูง
- เครื่องมีความเป็นพลาสติกมาก เพื่อทำให้เครื่องเบา (อันนี้แล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะใช้ส่วนประกอบที่ Premium กว่านี้)
เหมาะกันใคร AirSense11
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของคนจะซื้อ AirSense11 คือมันดีขึ้นกว่า AirSense10 อย่างไร และคุ้มที่จะซื้อไหม เพราะราคาสูงกว่าพอสมควร ผมว่าขึ้นอยู่กับงบในกระเป๋า ถ้ามีงบพอตัวนี้เป็นตัวที่น่าเลือก มีผู้ใช้ User มากที่สุด ระบบทำมาดีทั้งดูผลได้ด้วยตัวเอง ให้ผู้รักษาดึงผลหรือ เซตค่าได้ แต่ถ้าท่านมีงบจำกัด เครื่อง AirSense10 ก็ยังใช้ได้ดีครับ แม้จะมีอายุ 7-8 ปีแล้ว
ถ้าใช้ AirSense10 อยู่ควรซื้อ AirSense11 ไหม?
กรณีที่ท่านใช้เครื่อง Airsense10 อยู่แล้วบอกตรงนี้เลยว่า Air10 นั้นดีอยู่แล้ว และไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นที่ต้องเปลี่ยนเครื่องมาเป็น Air11 นอกจากว่าเครื่องของท่านใช้งานนานแล้ว และมีแผนว่าจะเอา Air10 เป็นเครื่องสำรอง และใช้ตัวหลักเป็น Air11 (ปัจจุบันผมใช้ Airsenes11 เป็นตัวหลักโดยมี Yuwell YH-680B เป็นตัวสำรอง)
โดยปกติผม และ เพื่อนที่รู้จักกันที่ใช้ CPAP ประจำจะมีเครื่องมากกว่า 1 เครื่องครับ Air11 เป็นเครื่องหลัก Air10 หรือเครื่องอื่นเป็นตัวสำรองก็ไม่ได้แย่ครับ
Air11 เป็นเหมือนเครื่องรุ่นใหม่กว่าตอบสนองดีกว่า มีอัลกอลิทึมที่ซับซ้อนกว่า แต่ฟังก์ชั่นหลักๆก็ยังคงเดิมครับ

สิ่งที่จะฝากบอก
AirSense11 เป็น CPAP ที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบันที่ผมใช้ครับ แต่บอกได้ว่าอาจจะไม่ได้คุ้มกับราคาที่สุด เพราะมีราคาสูง หากคุณมีงบจัดได้เลยครับ ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ใช้ได้เพราะมี Mode “For Her” ให้เลือกเลย ไม่ต้องไปซื้อแยกเครื่อง แต่หากคุณมีงบไม่ถึงไม่ต้องซื้อครับ แนะนำอาจจะเป็นรุ่นรองลงมาเช่น AirSense10 และ Yuwell YH-680B สุดท้ายนี้การใช้ CPAP ที่ดีเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ท่านต้องเลือกหน้ากากให้ตรงกับจริตของท่านด้วย เครื่องดีแค่ไหนแต่ถ้าหน้ากากไม่ถูกกับเรา ก็ไม่มีประโยชน์
ขอให้ท่านใช้ CPAP อย่างมีความสุขครับ อย่าลืมรักษาสุขภาพ ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดอาการหยุดหายใจขณะหลับ OSA ด้วยไม่ใช่ใช้แต่ CPAP ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรงครับ แล้วพบกันใหม่
Showing all 2 results
-
Resmedทดลองฟรี*
AirSense11 : Resmed Auto CPAP (ประกันศูนย์ 2ปี)
65,000฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
Resmed
Airfit P30i | Nasal Pillow สำหรับ CPAP หน้ากากแบบรองใต้จมูก ท่ออากาศออกด้านบนศรีษะ
Original price was: 5,290฿.3,990฿Current price is: 3,990฿. Add to cart