fbpx

6 อันดับเครื่องดื่มหวานน้ำตาลพุ่ง

6 อันดับเครื่องดื่มหวานน้ำตาลพุ่ง

ในชีวิตประจำวันของเรา แน่นอนว่าต้องมีการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8แก้ว และแน่นอนว่าใน8แก้วนั้นคงไม่ได้มีแค่น้ำเปล่าเพราะในปัจจุบัน เครื่องดื่มทางเลือกมีให้เลือกมากมายทั้งรสชาติอร่อย สีสันน่ากิน อีกทั้งทำให้สดชื่นระหว่างวันด้วย แต่ทุกคนรู้มั้ยคะว่าในเครื่องดื่มแต่ละประเภทมีทั้งประโยชน์และโทษ เพราะตัวร้ายในเครื่องดื่มเหล่านี้ คือปริมาณน้ำตาลที่มาก ซึ่งร่างกายคนเรา ต้องการน้ำตาลเพียงแค่ไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัม เท่านั้นเองค่ะ และวันนี้เราจะมาแนะนำตัวอย่างของเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง ที่หากดื่มเป็นประจำจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูงได้ค่ะ

“รสหวาน” ไม่ว่าจะได้กินเมื่อไหร่ก็รู้สึกอร่อยชื่นอกชื่นใจทุกที ด้วยความละมุนละไมหวานหอมกินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ จนบางคนอดไม่ได้เลยที่จะกินหวานตบท้ายมื้ออาหารทั้งเช้าสายบ่ายเย็น โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีรสหวานหรือน้ำหวานต่าง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันไม่มีความจำเป็นอะไรกับร่างกายของเราเลย แต่ก็ด้วยความติดในรสชาติอันแสนอร่อยของน้ำหวานเหล่านี้ จนทำให้หลาย ๆ คนอาจจะลืมคิดไปว่าความหวานที่มันถูกปากเราจนหยุดกินไม่ได้สักทีเนี่ย สุดท้ายแล้วมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เกิดการดื้อต่ออินซูลินในร่างกายจนกลายเป็น “โรคเบาหวาน” ไปในที่สุด ฟังดูแล้วก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ

1. น้ำอัดลม อันดับเครื่องดื่มรสหวานที่คนนิยมดื่มมากที่สุดจะขาดน้ำอัดลมไปไม่ได้เลย ด้วยรสชาติหวานที่มาพร้อมกับความซ่าจึงทำให้น้ำอัดลมเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ดื่มแทนน้ำเปล่าตบท้ายมื้ออาหาร ซึ่งน้ำอัดลมนอกจากจะมีน้ำตาลอยู่เป็นปริมาณมากแล้ว แก็สที่อัดลงไปเพื่อความซ่ายังไม่ค่อยเป็นมิตรกับระบบทางเดินอาหารของเราอีกด้วย และถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการทำเครื่องดื่มน้ำอัดลมสูตรน้ำตาลศูนย์เปอร์เซนต์ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดมากมายหลายยี่ห้อ แต่การกินเครื่องดื่มที่ปรุงแต่งรสหวานด้วยน้ำตาลเทียมเหล่านี้ก็มีโอกาสทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินได้เช่นกัน ซึ่งทุกคนคงทราบดีว่าในบรรดาน้ำอัดลมทั้งหลายต้องมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักและถึงแม้ว่ารสชาติจะซาบซ่า หวานอร่อยขนาดไหนแต่ปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยที่มากถึง 8-9 ต่อ น้ำอัดลม 325-345 มิลลิลิตรนั้น หากดื่มบ่อยไป คงไม่ดีแน่ค่ะ หากใครที่ติดความสดชื่นล่ะก็ ลองเปลี่ยนมาดื่มสูตรน้ำตาลน้อย หรือดื่มโซดาเปล่า ก็ซ่าดีเหมือนกันนะคะ


2. กาแฟเย็น กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาเครื่องดื่มทั้งหมด หลายคนมักเลือกที่จะดื่มกาแฟเพื่อความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในยามเช้า บางคนอาจกินกาแฟกับขนมปังแทนอาหารเช้าด้วย และเพื่อความประหยัดเวลาบางคนอาจเลือกใช้กาแฟสำเร็จรูปแบบซองชงซึ่งมักจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำตาลและครีมเทียมอยู่เกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งกาแฟแบบต่าง ๆ ที่ซื้อกินตามร้านก็มีน้ำตาลอยู่มากเช่นกัน ดังนั้นหากต้องการทานกาแฟเป็นประจำทุกวันควรเลือกทานเป็นกาแฟดำแบบชงเองโดยไม่ใส่น้ำตาล หรือเลือกสั่งเป็นอเมริกาโนแบบไม่ใส่น้ำตาลแทนค่ะ การกินกาแฟแบบหวานน้อยอาจช่วยลดน้ำตาลลงได้แต่ก็ไม่เหมาะกับการทานเป็นประจำทุกวันอยู่ดีนะคะ กาแฟลาเต้หนึ่งแก้ว มีปริมาณน้ำตาลมากถึง 67 กรัม หรือกาแฟที่มีส่วนประกอบของนมอื่นๆก็มีปริมาณน้ำตาลมากกว่า 35 ต่อหนึ่งแก้วเช่นกัน หากเลี่ยงได้ควรจะกินแบบไม่ใส่น้ำตาลเลยจะดีที่สุดค่ะ

3. น้ำผลไม้ น้ำผลไม้อาจดูเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะทำให้ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยังได้รับวิตามินต่าง ๆ จากผลไม้อีกด้วย แต่ความจริงนั้นน้ำผลไม้จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีความหวานค่อนข้างมากแถมยังมีน้ำตาลอยู่เยอะเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นน้ำส้มคัน 1 กล่องที่มีขายในท้องตลาด กว่าจะคั้นออกมาได้น้ำส้มปริมาตร 180 มิลลิลิตรต้องใช้ส้มจำนวนหลายลูกเลยใช่ไหมคะ แถมเรายังได้กากใยอาหารน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการกินผลไม้สดอีกด้วย และถ้าเป็นน้ำผลไม้จากน้ำผลไม้สกัดเข้มข้นก็ยิ่งได้ประโยชน์ลดน้อยลงไปแถมยังมีน้ำตาลผสมอยู่ด้วย ดังนั้นทางที่ดีที่สุดควรเลือกทานเป็นผลไม้สดไปเลยดีกว่าเพราะจะทำให้เราได้รับทั้งกากใยอาหารและวิตามินต่าง ๆ อย่างครบถ้วน  หลายๆคนอาจสงสัยว่าน้ำผลไม้จะมีปริมาณน้ำตาลที่มากได้ยังไง แต่ทุกคนเชื่อไหมคะว่าต่อให้เป็นน้ำผลไม้แท้ 100% ที่มีส่วนประกอบของไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ ก็ยังมีส่วนประกอบของน้ำตาลในปริมาณที่มากไม่แพ้กัน เช่นน้ำองุ่น 1 แก้วจะมีปริมาณน้ำตาล 36 กรัม น้ำแอ๊ปเปิ้ล 1 แก้วจะมีปริมาณน้ำตาล 31 กรัม หรือแม้แต่น้ำมะนาว ก็ยังมีปริมาณน้ำตาลมากถึง 44 กรัมยิ่งไปกว่านั้นน้ำผลไม้บรรจุกล่องจะมีปริมาณน้ำตาลที่มากกว่าน้ำผลไม้คั้นสดอีกมากเลยล่ะค่ะ

4. ชานมไข่มุก ชานมไข่มุกน้ำตาลเบิร์นไฟแบบแบบเลเยอร์นมแยกชั้นอาจเป็นเมนูสุดโปรดของใครหลายคนเลยใช่ไหมคะ หรือบางคนอาจชอบชาแบบอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป เช่น ชาเขียวมัจฉะลาเต้ ชานมเย็น บางคนที่ไม่ใช่สายชาก็อาจจะชอบกินโกโก้ภูเขาไฟลาวา ช็อกโกแลตเย็น หรืออื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องดื่มเหล่านี้กว่าจะมีรสชาติอร่อยหวานมันนั้นต้องใส่น้ำตาลหรือไซรัปลงไปมากพอสมควรเลย เมนูสุดหวานของโปรดยามบ่ายของใครหลายๆคน ที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยรสชาติที่ หวาน หอม แต่ต้องแลกด้วยปริมาณน้ำตาล มากถึง5-9 ช้อนชาต่อแก้ว นี่ยังไม่นับที่เพิ่มวิปปิ้งครีมอีก 400 กิโลแคลอรีนะคะ ซึ่งต่อให้จะอร่อยแค่ไหนหากดื่มทุกวัน ชานมไข่มุกที่รักอาจจะทำให้คุณเป็นทุกข์มากกว่าสุขก็ได้นะคะ

5. เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มสุดคลาสสิคที่นอกจากให้พลังงาน และคาเฟอีน ทดแทนน้ำที่เสียไปในร่างกาย เจ้าเครื่องดื่มชูกำลังนี้ยังให้ปริมาณน้ำตาลที่มากถึง 6-9 ชาต่อขวด ส่วนใหญ่อาจไม่ค่อยได้ทานเครื่องดื่มชูกำลังเท่าไรนัก ขณะที่หลายคนกลับต้องทานอย่างขาดไม่ได้ เผลอ ๆ บางคนอาจทานเกินกว่า 2 ขวดต่อวันอีกด้วย ซึ่งเครื่องดื่มชูกำลังเหล่านี้มักมีรสชาติหวานและมีน้ำตาลผสมอยู่ แต่ความจริงแล้วปัจจุบันมีเครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงร่างกายและเป็นสูตรที่ไม่ผสมน้ำตาลจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมากมาย ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำและเลือกทานเป็นเครื่องดื่มสูตรไร้น้ำตาลแทนนะคะ  เห็นมั้ยคะว่าเครื่องดื่มขวดเล็กนิดเดียว แต่ให้ปริมาณน้ำตาลที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้เลยนะคะ หากบริโภคมากไปอาจส่งผลเสียในระยะยาวได้เลย


เครื่องดื่มรสหวานน้ำตาลสูง ซึ่งการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นครั้งคราวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และถ้าหากใครอยากดื่มแบบขาดหวานไม่ได้จริง ๆ ก็ควรเลือกทานเป็นแบบหวานน้อย หรือเลือกดื่มเครื่องดื่มชนิดที่มีสารให้ความหวานอื่นนอกจากน้ำตาลทดแทนไปก่อน แต่หากใครยังคงดื่มเครื่องดื่มรสหวานน้ำตาลสูงเหล่านี้ต่อเนื่องกันเป็นประจำทุกวันแล้วละก็ เตรียมตัวไปโรงพยาบาลเจาะเลือดหาเบาหวานได้เลยค่ะ ยังมีเครื่องดื่มอีกหลายชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลสูง หากใครที่กำลังควบคุมน้ำตาลอยู่ ควรศึกษาข้อมูลของเครื่องดื่มชนิดนั้นนั้น ให้ดีเพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน และน้ำตาลในเลือดสูง ยิ่งใกล้หน้าร้อนการหาเครื่องดื่มเย็นๆสักแก้ว คงดีไม่ใช่น้อย แต่ถ้าให้ดีควรเลือกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะคะ