fbpx

โรคใกล้ตัวยอดฮิต ที่ไม่ทันได้ระวัง พร้อมเทคนิควิธีการดูแลตัวเองง่ายๆ

โรคใกล้ตัวยอดฮิต ที่ไม่ทันได้ระวัง พร้อมเทคนิควิธีการดูแลตัวเองง่ายๆ

ปัจจุบันนี้ในยุคออนไลน์เช่นนี้ ใครๆ ก็เป็นอายุน้อยร้อยล้านได้เพราะด้วยเครื่องมือที่ขึ้นชื่อว่าออนไลน์นั้น สามารถที่จะสื่อสารกับทุกคนได้ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าเมื่อมีจุดแข็ง ก็ต้องมีจุดอ่อนเช่นกัน เนื่องด้วยการแข่งขันในโลกออนไลน์นั้นสูงมาก ส่งผลให้ผู้ที่ทำงานในยุคออนไลน์ จำเป็นตัองเรียนรู้และพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่หยุดนิ่งก็เท่ากับว่ากำลังเดินถอยหลังแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเลือกที่จะทำงานมากขึ้น จนในบางครั้งก็ละเลยทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด นั่นก็คือร่างกายนั่นเอง ก่อให้เกิดเป็นโรคคนเมืองต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ หรือโรคออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น

และแน่นอนว่าว่าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เหล่าคนทำงานสามารถตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองที่บ้าน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและประหยัดเวลาในการไปพบแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต , เครื่องตรวจเจาะน้ำตาลในเลือด , เครื่องวัดอุณหภูมิ , หรือเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เป็นต้น หากไม่อยากเป็นคนที่ชื่อว่าอายุน้อยร้อยโรคแล้วล่ะก็ วันนี้เราจะมาพูดถึงโรคคนในเมืองยอดฮิต ที่หลายคนมักจะเป็น พร้อมแจกเทคนิคการดูแลตัวเองฉบับง่ายๆ เพื่อนำไปดูแลตัวเอง และดูแลคนที่ในครอบครัวที่เรารักกันค่ะ

โรคเบาหวาน 

โรคเบาหวานเป็นโรคชนิดหนึ่งที่อยู่ในลำดับต้นๆ ที่เป็นโรคยอดฮิต เพราะอาหารและขนมที่เรามักพบเจอในชีวิตประจำวันก็ล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของน้ำตาลทั้งสิ้น ซึ่งโรคนี้จะเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้น้ำตาลสะสมในเลือดสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถตรวจน้ำตาลในเลือดได้เบื้องต้น โดยการใช้เครื่องตรวจวัดปริมาณน้ำตาลในเลือด เหมือนเป็นการดูแลตัวเองเบื้องต้นขั้นพื้นฐาน เมื่อสังเกตร่างกายตัวเองแล้ว ว่ามีอาการกระหายน้ำ , อ่อนเพลีย , เหนื่อยง่าย , ปัสสาวะบ่อย หรือเบื่ออาหารบ่อย สามารถใช้เครื่องตรวจวัดน้ำตาลได้ทันที เพื่อตรวจเช็คร่างกายตัวเองเบื้องต้น แต่หากพบความผิดปกติของค่าน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป หรือต่ำเกินไป ควรไปปรึกษาหรือพบแพทย์ทันที โดยค่าน้ำตาลที่เหมาะสมจะเป็นดังนี้

โดยโรคเบาหวานจะแบ่งอกเป็น 4 ประเภท ประกอบไปด้วย 

  • ประเภทที่ 1 มักเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้ ส่วนมากจะพบในกลุ่มคนที่มีอายุน้อย คือ ช่วงวัยเด็ก ไปจนถึงกลุ่มคนที่อายุไม่เกิน 30 ปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ตามปกติ ผู้ป่วยในโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักมีร่างกายที่ซูบผอมและต้องทำการรักษาด้วยการฉีดอินซูลินเป็นประจำ หากผู้ป่วยเกิดอาการขาดอินซูลินจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะ Ketusisc คลั่งในเลือด และอาจหมดสติได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยในเบาหวานชนิดที่ 1 มีโอกาสเป็นภาวะคิโตซิส (Ketosis) อีกด้วย
  • ประเภทที่ 2 มักเกิดจากภาวะการดื้ออินซูลิน สำหรับชนิดที่ 2 นั้นเป็นชนิดที่เกิดขึ้นกับคนไทยมากที่สุด และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีรูปร่างอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน โดยสาเหตุมาจากการที่ภาวะร่างกายดื้ออินซูลิน (ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี) โดยถ้าหากร่างกายมีอินซูลินไม่เพียงพอ ร่างกายจะพยายามให้ตับอ่อนสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้ตับอ่อนทำงานหนักมากจนเกินไปนั่นเอง
  • ประเภทที่ 3 มักเกิดจากเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ การมีโอกาสสุ่มเสี่ยงขณะตั้งครรภ์เกิดจากการที่ขณะตั้งครรภ์ร่างกายจะมีการผลิตสารต่อต้านอินซูลินนั่นเอง ในจุดนี้หากผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่สามารถเพิ่มอินซูลินในร่างกายให้เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งจะมีผลต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้ เช่น เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด และอาจเกิดสภาวะน้ำตาลต่ำหลังคลอด เป็นต้น ซึ่งหากได้ทำการคลอดลูกเรียบร้อยแล้วอาจทำให้อาการสุ่มเสี่ยงลดน้อยลง แต่ก็ควรหมั่นเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพื่อความมั่นใจได้เช่นกัน และโรคชนิดนี้ส่วนมากจะเกิดจากผู้ที่ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
  • ประเภทที่ 4 มักเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม สาเหตุต่าง ๆ ในที่นี้ เช่น การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่มีผลทำให้เสี่ยงเกิดโรค หรือจะเป็นการติดต่อมาผ่านทางพันธุกรรมก็มี รวมไปถึงการเป็นโรคที่ส่งผลต่อตับอ่อนโดยตรง เช่น โรคตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น ก็มีผลทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน

การดูแลตัวเองจากโรคเบาหวาน 

  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการคุมอาหาร อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่ ไข่แดง , กะทิ , อาหารทอด , ครีม , เนย , เครื่องในสัตว์ , หรืออาหารที่มีรสหวานจัดทุกชนิด
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะบุหรี่จะส่งผลอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือด และแอลกอฮอล์จะส่งผลให้ร่างกายดื้อยาที่ใช้รักษาหรือควบคุมโรคเบาหวานนั่นเอง
  • หมั่นเช็คความดันโลหิตอยู่เป็นประจำ เพราะถ้าความดันโลหิตสูง จำเป็นจะต้องทานยาลดความดันควบคู่ตามไปด้วย และเนื่องด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตเพื่อวัดความดันได้เองที่บ้าน เพื่อเป็นการประหยัดงบในการเดินทางไปพบแพทย์ได้อีกด้วย
  • ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคเบาหวานไม่ใช่โรคที่จะรักษาแล้วหายขาดกันได้ง่ายๆ ไม่เหมือนไว้หวัดที่เป็นแล้วหายเอง แต่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือสามารถซื้อเครื่องเจาะวัดน้ำตาลเพื่อเช็คความผิดปกติร่างกายของตัวเองเบื้องต้นที่บ้านได้ และถ้าหากเช็คแล้วน้ำตาลในเลือดสูงมาก ก็ควรไปพบแพทย์ทันที

โรคความดันโลหิตสูง 

ภัยเงียบที่ทุกคนควรพึงระวังเพราะสามารถส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้ไม่ว่าจะเป็นการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ภาวะหัวใจวายฉับพลัน หรือหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วโรคความดันจะไม่ค่อยแสดงอาการชัดเจนสักเท่าไหร่แต่จะมีสัญญาณเตือนเบื้องต้น อาทิเช่น อาการเวียนศีรษะ, นอนไม่หลับ, ใจสั่นง่าย, ปวดบริเวณท้ายทอย หรืออาการอ่อนเพลียง่าย ซึ่งอาการเบื้องต้นเหล่านี้เกิดมาจากการที่แรงดันภายในหลอดเลือดสูงโดยสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยสองสาเหตุหลักๆ คือ กรรมพันธุ์อย่างครอบครัวที่มีประวัติเคยเป็นโรคความดันเราก็สามารถมีภาวะที่จะเสี่ยงเป็นโรคความดันได้และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนอย่างการทานอาหาร, สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาวะเครียดสะสม สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลนี้สามารถนำมาซึ่งโรคความดันโลหิตได้ทั้งนั้น แต่เราสามารถวัดความดันโลหิตได้ด้วยตนเองที่บ้านโดยการซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตเพื่อเป็นการตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้น หากพบว่ามีภาวะความดันโลหิตที่สูงจะได้รักษาตัวได้ทันการณ์

การดูแลตัวเองจากโรคความดันโลหิต

ควบคุมอาหารโดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเค็มจัดเพราะจะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงได้ง่าย อีกทั้งอาหารรสเค็มจะทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น

  • รู้จักผ่อนคลายไม่เครียดกันจนเกินไป เพราะความเครียดเป็นวายร้ายที่ก่อให้เกิดหลายโรคหากเราอยู่ในภาวะเครียดเป็นประจำหรือระยะเวลานานจะส่งผลต่อการเป็นโรคความดันได้ง่าย
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูงได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ไขมันในเลือดสูงอีกด้วย
  • ทานยาความดันตามที่แพทย์สั่ง ไม่ควรหยุดยาหากไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์เพราะโรคความดันจะเป็นโรคที่ไม่ค่อยแสดงอาการดังนั้นควรทานยาเพื่อป้องกันตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • หมั่นตรวจความดันโลหิตเป็นประจำ หากไม่ต้องการไปพบแพทย์สามารถซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตที่บ้านได้เพื่อประเมินอาการเบื้องต้น แต่ถ้าพบกว่าเกิดความผิดปกติร้ายแรงควรไปพบแพทย์ทันที


โรคภูมิแพ้

อีกหนึ่งโรคคนเมืองฮอตฮิตที่พบบ่อยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นโรคภูมิแพ้เพราะด้วยบรรยากาศในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง, น้ำเน่าเสีย หรือควันพิษมากมายส่งผลให้ร่างกายต้องรับศึกหนักทุกวันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้คนถึงเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น โดยโรคภูมิแพ้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ ประเภทภูมิแพ้อาหารและประเภทภูมิแพ้อากาศ/สิ่งแวดล้อมโดยมักจะมีอาการเบื้องต้น อาทิเช่น อาการคันจมูก, อาการไอหรือจาม, อาการผื่นคันตามตัว หรืออาการลมพิษ เป็นต้น

การดูแลตัวเองจากโรคภูมิแพ้

  • ดูแลปกป้องตัวเองจากมลภาวะอย่างการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง, ควันรถ, เชื้อไวรส หรือไรฝุ่นต่างๆ เป็นต้น
  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพราะเมื่อร่างกายแข็งแรงจะสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้
  • หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มักจะทราบอยู่แล้วว่าตัวเองแพ้อะไร อาทิเช่น แพ้อากาศเย็นหรือแพ้เกสรดอกไม้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองอยู่ใกล้สารก่อภูมิแพ้ก็จะช่วยลดระดับการแพ้ได้ดีเลยทีเดียว
  • การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้เป็นอย่างดี เพราะการล้างจมูกนั้น ช่วยทำให้เศษฝุ่นที่เข้าไปติดค้างอยู่ในโพรงจมูก ไหลออกมากับน้ำเกลือที่สวนล้างเข้าไป ทำให้หายใจได้โล่ง ทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยง หรือ บรรเทาไม่ให้เยื่อบุจมูกอักเสบอีกด้วย

โรคออฟฟิศซินโดรม

กลุ่มวัยทำงานคงไม่มีใครไม่รู้จักโรคออฟฟิศซินโดรมอันเกิดจากการที่จดจ่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะหลังและไหล่ โดยอาการปวดของโรคออฟฟิศซินโดรมก็สามารถแบ่งออกเป็นสามลักษณะ ได้แก่ การปวดเมื่อยจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ, การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย และอาการที่เกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติอย่างอาการวูบ, เหงื่ออก, เหน็บชา หรืออาการมึนงง เป็นต้น

การดูแลตัวเองจากโรคออฟฟิศซินโดรม

  • การบรรเทาอาการปวดโดยการนวดผ่อนคลาย อาทิเช่น นวดอโรมาหรือนวดแผนไทยจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแต่เป็นการดูแลเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าอยากหายขาดต้องปรับจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขณะทำงาน ไม่ควรนั่งทำงานในระยะเวลาที่นานเกินไป แต่ควรเดินยืดเส้นสายบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อระหว่างวันไม่ให้กล้ามเนื้อรู้สึกตึงเครียดจนเกินไป
  • เลือกท่านั่งทำงานให้เหมาะสม ควรปรับระดับโต๊ะหรือเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกายให้อยู่ในท่านั่งที่สบายมากที่สุด

ดังนั้นสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญ บางคนอาจมองว่าในช่วงวัยอายุ 20-40 ปี อาจจะยังไม่มีโรคประจำตัว หรืออาจจะไม่เป็นโรคเหล่านี้ แต่ที่จริงแล้วเราไม่ควรชะล่าใจ เพราะโอกาสที่เราจะเป็นโรคพวกนี้ได้ทุกเมื่อ หากเรามีตัวช่วย เครื่องวัดดีๆ เหล่านี้ ก็จะช่วยตรวจสอบเบื้องต้นว่าเรามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เห็นมั้ยล่ะคะ ว่ามันใกล้ตัวมากๆ เรามาดูแลสุขภาพที่ดีกันเถอะค่ะ 

ค่าความปกติ-ผิดปกติ ของร่างกาย


เครื่องวัดสุขภาพทั่วไป

เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด