อาการสะลึมสะลือหลังจากตื่นนอน

อาการสะลึมสะลือหลังจากตื่นนอน

อาการ “สะลึมสะลือ” หลังตื่นนอน (Sleep Inertia): สาเหตุและวิธีจัดการ

    คุณเคยประสบกับอาการที่รู้สึกว่าสมองยังไม่ตื่นเต็มที่ แม้ว่าจะลุกจากเตียงมาแล้วสักพักหรือไม่? อาการนี้เรียกว่า Sleep Inertia หรือ อาการสะลึมสะลือหลังตื่นนอน ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายและสมองยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้รู้สึกมีอาการมึนงง งัวเงีย คิดช้า หรือตัดสินใจได้ไม่ดีในช่วงแรกของการตื่นนอน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากเกิดขึ้นบ่อยหรือเป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้


 Sleep Inertia คืออะไร?

 

Sleep Inertia เป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังจากการตื่นนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในขณะที่อยู่ใน ระยะหลับลึก (Deep Sleep หรือ SWS – Slow-Wave Sleep) หรือการตื่นนอนแบบกะทันหัน

    ในช่วงนี้ สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการทำงานของหน่วยความจำ ยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วเท่าที่ควร ทำให้เรามีปฏิกิริยาตอบสนองที่ช้าลงและประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลงชั่วคราว

สาเหตุหลักของอาการสะลึมสะลือ

                   อาการ Sleep Inertia มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้ :

7 วิธีแก้ไขและจัดการอาการ Sleep Inertia

  กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนผ่านจากสภาวะหลับลึกไปสู่สภาวะตื่นตัวได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามธรรมชาติ :

วิธีแก้ไข รายละเอียดและประโยชน์
1. เปิดรับแสงสว่างทันที แสงสว่าง (โดยเฉพาะแสงแดดธรรมชาติ) จะส่งสัญญาณไปยังสมองให้หยุดการผลิตเมลาโทนิน (ฮอร์โมนการนอนหลับ) และเริ่มกระบวนการตื่นตัวอย่างรวดเร็ว ทำทันทีที่ตื่น
2. ดื่มน้ำ 1 แก้ว การดื่มน้ำจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย พร้อมทั้งช่วยลดภาวะขาดน้ำเล็กน้อยหลังจากการนอนหลับ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
3. ขยับร่างกาย/ยืดเส้นยืดสาย การยืดแขนขา หรือลุกขึ้นเดินเบาๆ เป็นเวลา 5 นาที จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนโลหิตไปยังสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น
4. ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น อุณหภูมิที่เย็นจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัวและหลุดพ้นจากอาการมึนงงได้เร็วขึ้น
5. กำหนดตารางการนอนที่สม่ำเสมอ พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน (แม้แต่วันหยุด) เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยและปรับวงจรการนอนหลับให้ตื่นในระยะหลับตื้นได้ง่ายขึ้น
6. งีบหลับสั้น ๆ อย่างมีกลยุทธ์ หากจำเป็นต้องงีบ ควรจำกัดเวลาไว้ที่ 10-20 นาที (เรียกว่า Power Nap) เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการงีบโดยไม่เข้าสู่ระยะหลับลึก
7. หลีกเลี่ยงการกดปุ่ม “Snooze” การกดปุ่มเลื่อนปลุกซ้ำๆ จะทำให้คุณกลับไปหลับในระยะหลับลึกอีกครั้ง เมื่อถูกปลุกซ้ำในภายหลัง อาการ Sleep Inertia จะยิ่งรุนแรงขึ้น

สรุป

        อาการสะลึมสะลือหลังตื่นนอน (Sleep Inertia) เป็นเพียงสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังปรับตัวจากการหลับไปสู่การตื่น อาการนี้จะค่อยๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่การปรับปรุงสุขลักษณะการนอน (Sleep Hygiene)
ให้ดีขึ้น เช่น การนอนให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการและการมีตารางการนอนที่สม่ำเสมอ จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดความรุนแรงของอาการ และทำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดชื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 



รีวิวลูกค้า