รีวิวทำ Home Sleep Test (Type3) ทำง่าย ทำเองที่บ้าน !

รีวิวทำ Home Sleep Test (Type3) ทำง่าย ทำเองที่บ้าน !

อยากใช้เครื่อง CPAP แต่ไม่อยากทำ Sleep Test ที่โรงพยาบาล ซึ่งอาจจะต้องรอคิวนาน มีค่าใช้จ่ายสูง วันนี้อีไลฟ์มีรีวิวการทำ Home SleepTest ซึ่งเป็นแบบ Type3 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน และราคาย่อมเยา สามารถทำเองได้ที่บ้าน

@jelly_.beer สลีปเทส สลีปใจ 🤍 #fyp #sleeptest #cpap #homesleepyest #นอนไม่หลับ @elifegear ♬ Elegant and lively violin jazz – Cuisine, food, gourmet, cafe(1310636) – Ponetto

ขั้นตอนแรกเราจะได้รับอุปกรณ์จากเจ้าหน้าที่มา เป็นเครื่อง ApneaLink,สาย Cannular,และถ่านAA จำนวน 2 ก้อน

ขั้นตอนง่ายมากแค่ใส่ถ่านเข้าไปในเครื่อง หลังจากนั้นสวมใส่ ApneaLink ให้พอดีกับระดับหน้าออก รัดสายให้ตึงพอให้หายใจสะดวก ติดตั้งสาย Cannular ปรับสายให้พอดีกับรูปหน้า สวมเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วและเปิดใช้งานเครื่องได้เลย (แนะนำให้เปิดใช้เครื่องตอนจะนอนเลย ไม่ควรเปิดแล้วนอนเล่นโทรศัพท์เกิน 30 นาที)


Home Sleep Test หรือการตรวจการนอนหลับที่บ้าน เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับการตรวจในโรงพยาบาล แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างเช่นกัน
Home Sleep Test เหมาะกับใคร? Home Sleep Test เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้:

  • มีอาการ นอนกรนเสียงดัง ผิดปกติ
  • ง่วงนอนตอนกลางวันมาก ทั้งที่นอนหลับเพียงพอ
  • มีคนสังเกตว่า มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • ผู้ที่แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นแล้วว่ามีแนวโน้มเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ที่ไม่ซับซ้อน

ข้อดีของ Home Sleep Test ข้อจำกัดของ Home Sleep Test
  • สะดวกสบายและเป็นส่วนตัว: ผู้ตรวจสามารถนอนในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีกว่าการนอนในโรงพยาบาล
  • ข้อมูลการตรวจอาจไม่สมบูรณ์เท่าการตรวจที่โรงพยาบาล: Home Sleep Test จะเน้นการตรวจวัดสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นหลัก เช่น การหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ แต่จะไม่สามารถวัดข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ได้ทั้งหมด เช่น คลื่นไฟฟ้าสมอง การเคลื่อนไหวของดวงตา หรือระยะการนอนหลับ
  • ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการนอนปกติ: เนื่องจากเป็นการตรวจในสภาพแวดล้อมจริงที่ผู้ป่วยใช้ชีวิตอยู่ ทำให้ผลที่ได้มีความแม่นยำและใกล้เคียงกับภาวะปกติมากที่สุด
  • อุปกรณ์อาจหลุดได้: หากอุปกรณ์ที่ติดไว้หลุดระหว่างการนอน ผลการตรวจอาจไม่สมบูรณ์และต้องทำการตรวจใหม่
  • ค่าใช้จ่ายถูกกว่า: โดยทั่วไปแล้ว Home Sleep Test มักมีราคาถูกกว่าการตรวจที่โรงพยาบาล
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการซับซ้อน: การตรวจที่บ้านอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนหลับที่ซับซ้อน เช่น ภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ โรคลมหลับ (narcolepsy) หรือโรคทางระบบประสาทอื่นๆ เพราะข้อมูลที่ได้จากการตรวจอาจไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัย
  • ประหยัดเวลาและค่าเดินทาง: ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางและค้างคืนที่โรงพยาบาล
  • ปลอดภัยกว่า: สำหรับผู้ป่วยที่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การตรวจที่บ้านช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

Home Sleep Test ใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก และใช้งานง่าย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถติดตั้งเองได้ที่บ้าน โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลตลอดคืน เครื่องมือเหล่านี้จะแตกต่างจากการตรวจในโรงพยาบาลซึ่งมีเซ็นเซอร์จำนวนมากและซับซ้อนกว่า โดยทั่วไปแล้ว อุปกรณ์ Home Sleep Test จะเน้นการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นหลัก ซึ่งเครื่องที่เราจะมารีวิวในวันนี้จะเรียกว่าเครื่อง ApneaLink

ApneaLink คือหนึ่งในเครื่องมือ Home Sleep Test ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ผลิตโดยบริษัท ResMed ซึ่งเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์การรักษาโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการตรวจคัดกรอง (screening) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ที่บ้านได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ โดยตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้ผู้ป่วยสามารถพกพาและใช้งานได้สะดวกสบายในสภาพแวดล้อมการนอนปกติของตนเอง

ApneaLink ตรวจวัดอะไรบ้าง?

ตัวเครื่อง ApneaLink สามารถบันทึกข้อมูลได้หลายช่องทาง (channels) เพื่อให้แพทย์สามารถนำไปวิเคราะห์ผลได้อย่างครบถ้วน โดยหลักๆ แล้วจะบันทึกข้อมูลดังนี้:

  • การไหลเวียนของอากาศ (Nasal Airflow): ผ่านทางสายท่อเล็กๆ ที่สอดไว้ใต้จมูก เพื่อวัดว่ามีปริมาณลมหายใจเข้า-ออกลดลงหรือหยุดหายใจหรือไม่
  • การหายใจ (Respiratory Effort): ผ่านสายรัดหน้าอกและหน้าท้อง เพื่อวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ ช่วยให้แพทย์สามารถแยกแยะได้ว่าภาวะหยุดหายใจเกิดจากการอุดกั้น (obstructive) หรือมีสาเหตุจากสมอง (central)
  • ระดับออกซิเจนในเลือด (Oxygen Saturation): ผ่านเซ็นเซอร์แบบคลิปหนีบนิ้วมือ เพื่อดูว่าระดับออกซิเจนในเลือดลดลงต่ำผิดปกติขณะหลับหรือไม่
  • อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate): ข้อมูลนี้จะช่วยเสริมการวินิจฉัยและประเมินผล
  • เสียงกรน (Snoring): ตัวเครื่องสามารถบันทึกและวิเคราะห์เสียงกรน ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ข้อดีของ ApneaLink ข้อจำกัดของ ApneaLink
  • ใช้งานง่าย: มีปุ่ม Start/Stop เพียงปุ่มเดียว และมีไฟแสดงสถานะให้ผู้ป่วยทราบว่าการตรวจเสร็จสมบูรณ์หรือไม่
  • ไม่สามารถวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ได้: ซึ่งหมายความว่า ApneaLink ไม่สามารถระบุระยะการนอนหลับ (Sleep Stage) ได้อย่างละเอียดเหมือนการตรวจในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยโรคการนอนหลับที่ซับซ้อนอื่นๆ เช่น โรคลมหลับ (Narcolepsy) หรือพฤติกรรมผิดปกติขณะหลับได้
  • พกพาสะดวก: มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการเดินทาง
  • ข้อมูลอาจไม่สมบูรณ์: หากอุปกรณ์หลุดหรือผู้ป่วยนอนหลับไม่นานพอ ผลที่ได้อาจไม่ครบถ้วน
  • แม่นยำ: ให้ข้อมูลที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับการวินิจฉัยเบื้องต้นของภาวะ OSA โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายในการทำ Home Sleep Test จะถูกกว่าการตรวจที่โรงพยาบาล

สรุป

ApneaLink เป็นอุปกรณ์ Home Sleep Test ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) โดยมีอาการที่ชัดเจน เช่น นอนกรนและง่วงนอนตอนกลางวันมาก การใช้เครื่องมือนี้ช่วยให้สามารถตรวจคัดกรองได้อย่างสะดวกสบายในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป