CPAP ราคาครึ่งแสน Airsense11 ควรแก่การลงทุนไหม ??

CPAP ราคาครึ่งแสน Airsense11 ควรแก่การลงทุนไหม ??

เปิดตัวพร้อมใช้งานในไทยแล้วสำหรับ Airsense11 AutoSet รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Resmed มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมต่อการรักษา และยังขึ้นชื่อว่าเป็น CPAP ที่อัจฉริยะที่สุดในตอนนี้ แต่นอกฟังก์ชันและดีไซน์ที่สวย ทันสมัยแล้วราคาที่เปิดตัวออกมาก็จึ้งใจอยู่เหมือนกันค่ะ แอบเลยครึ่งแสนไปอีก ซึ่งหากเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ใน Resmed เองก็ถือว่าราคากระโดดไปไกลมาก แล้วถ้าเรามาดูในมุมความคุ้มค่าจริง ๆ แล้ว Airsense11 เหมาะแก่การลงทุนระยะยาวรึป่าววันนี้อีไลฟ์จะมาสรุปให้ค่ะ

Highlight


1.ก่อนอื่นมาดูที่อุปกรณ์ภายนอกก่อนว่าในราคาเกินครึ่งแสนนี้เราจะได้รับอะไรบ้าง ? อุปกรณ์ภายในกล่องจะมี

  • กระเป๋า Travek Bag 1 ใบ
  • เครื่อง Airsense11 1 เครื่อง
  • แทงค์น้ำเฉพาะ Airsense 11 1ชิ้น (HumidAir 11 cleanable tub)
  • ท่อ Climate Line 1 เส้น ClimateLineAir11 tubing
  • Adapter 1 ชุด 65W Power supply unit (PSU)
  • คู่มือการใช้งานและติดตั้ง 1 ชุด

ดังนั้นภายในเซ็ตจะไม่ได้มีหน้ากาก CPAP มาด้วย ผู้ใช้งานจะต้องซื้อแยกต่างหากเอง แต่ข้อดีคือเราสามารถเลือกหน้ากากที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Full Face , Nasal Mask , Pillow Mask (อะไหล่ทั้งหมดของรุ่น Airsense11 ไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่นอื่น ๆ ได้)

2. ระบบการรักษาแบบ 3 In 1 (ซื้อ 1 ได้ถึง 3)

เครื่อง Airsense11 จะเหมือนเอาสองเครื่องมารวมกัน เพราะสามารถเลือกว่าจะให้ Mode ธรรมดา หรือ Mode For Her ที่สร้างมาให้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า เพิ่ม/ลดแรงดัน แบบค่อยๆไป

Airsense 11 AutoSet มาพร้อมฟังก์ชันการรักษาถึง 3 แบบการใช้งาน คือ CPAP, CPAP AutoSet, และ AutoSet ForHer พูดง่าย ๆ คือเป็นการนำฟังก์ชันของรุ่น Airsense10 และ Airsense10 ForHer รวมกันอยู่ในเครื่องนี้ในรูปแบบใหม่ที่ฉลาดและครอบคลุมมากกว่า หากผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ที่ต้องการความเบาสบายและมีความ Sensitive กับเครื่อง CPAP ตัว Airsense11 อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ นั่นเองค่ะ

3. ดีไซน์สวย Minimal และน้ำหนักที่เบากว่า

เห็นได้ชัดเจนเลยว่า Airsense11 AutoSet ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดต่างจากดีไซน์ทุกรุ่นที่ Resmed เคยมีมา ตัวเครื่องดูทันสมัย น่าใช้งานวางตรงไหนของมุมห้องก็ไม่ขัดตาเลย นอกจากดีไซน์แล้ว Resmed ยังปรับเปลี่ยนของตัววัสดุให้มีน้ำหนักเบาลงเพียง 1.13 กิโลกรัม แต่ยังคงความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นกว่ารุ่นตระกูล 10 หากผู้ใช้งานที่ต้องการการพกพาใช้งานต่างสถานที่ หรือต้องการความสวยงามตัว Airsense11 อาจจะตอบโจทย์มากกว่าค่ะ

ส่วนที่ 2 ของการดีไซน์คือตัวแทงค์น้ำ/HumidAir 11 cleanable tub ที่ปรับเปลี่ยนวัสดุและดีไซน์ใหม่ ให้ทนความร้อนได้มากกว่าถึง 80-90องศา ตัววัสดุของแทงค์น้ำเป็นการหล่อพลาสติกให้เป็นชิ้นเดียวกัน เพื่อลดการรั่วไหลของน้ำ ด้านล่างมีอลูมิเนียมเพื่อลดการเกิดคราบตะกรัน ซึ่ง Resmed การันตีว่าวัสดุของแทงค์น้ำในรุ่น Airsense11 มีอายุการใช้งานได้นานกว่ารุ่นตระกูล 10

4. ฟีเจอร์ใหม่ ที่สุดของความอัจฉริยะของเครื่อง CPAP

จุดเด่นของ Airsense11 ที่แตกต่างจากตระกูลอื่น ๆ คือ Resmed มีการพัฒนาระบบใส่เทคโนโลยี Ai ลงไปใน Application “My Air” ให้มีความฉลาดมากขึ้น ผู้ใช้งานสามารถ Care-Self-Check ค่าใช้งาน คุณภาพการนอน ได้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องติดต่อหาผู้เชี่ยวชาญที่ครั้งที่เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหน้ากากรั่ว แรงดันที่ตั้งค่าไม่เหมาะสม รวมไปถึงการ Develop ต่างๆ ระบบภายในเครื่อง ซึ่งฟังชั่นที่ Resmed มีการเพิ่มเข้ามาใหม่ในตัว Airsense 11 นั้น มีการทำวิจัยมาแล้วว่าสะดวกทั้งกับผู้ใช้งานและคุณหมอที่ทำการรักษาอีกด้วย

  • Personal Therapy Assistant : เป็นระบบ Promt ใน My Air ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Ai Coahing สอนการใช้งานและตั้งค่าเครื่องตั้งแต่แรกเริ่มต้น เช่นการ Test Drive แรงดันกับหน้ากากที่ต้องการใช้งาน ให้เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น ระบบนี้ผู้ใช้งานสามารถทำ Test Drive ด้วยตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้
  • Care Check-In : AI Feedback / Ai แบบสอบถามฟีดแบคการใช้งานในแต่ละวัน เช่นเมื่อใช้ผ่านงานไป 1 คืน ระบบ Care Check-in จะขึ้นคำถามมาในตอนเช้าว่าการใช้งานของเราเมื่อคืนเป็นอย่างไร มีหน้ากากรั่วไหลหรือแรงดันที่เหมาะสมไหม ? เมื่อผู้ใช้งานตอบคำถามเหล่านี้ทุกครั้งที่ระบบขึ้น คำตอบทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ใน Report Airview ซึ่งข้อมูลส่วนนี้คุณหมอจะสะมารถนำมาวิเคราะห์การรักษาต่อไปได้ โดยปกติค่า Defaut ที่โรงงานตั้งค่ามาให้คือระบบจะส่งคำถามทุก 7 วัน / 14 วัน / 28 วัน และหลังจากนั้นจะถามทุก ๆ 6 เดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าความถี่ที่ต้องการภายหลังได้
  • Over-The-Air (OTA) : Auto Develop ระบบนี้คือการที่เครื่อง CPAP สามารถเช็คความผิดปกติของตัวเองภายในเครื่องได้ ไม่ว่าจะเป็นการ อัพเดท Software ฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยอัติโนมัติ / การ Mainternance ระบบผิดปกติภายในเครื่อง เช่นกล่องน้ำเกิดการารั่ว Memory Card ใกล้เต็ม ซึ่งฟังก์ชันนี้จะทำให้ผู้ใช้งานลดเวลาในการยกเครื่อง CPAP ไปยังศูนย์บริการ จากเดิมทีต้องใช้เวลา 1-2 วัน แต่รุ่น Airsense11 พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาให้เครื่อง CPAP สามารถดูแลตัวเองได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
  • Bluetooth Conectivity : มีไว้สำหรับเชื่อมต่อตัวเครื่องกับ Application My Air โดยจะใช้ Bluetooth เพียงครั้งแรกที่เชื่อมต่อแอพหรือทุกครั้งที่ผู้ใช้งานต้องการทำ Test Drive เท่านั้น แต่การใช้งานส่วนใหญ่จะใช้ Cellular ในการใช้งานอยู่

5. สรุป Airsense11 ควรค่าแก่การลงทุนไหม ?

สรุปคือ CPAP Airsense11 AutoSet เป็นเครื่อง CPAP ที่ดีมาก ๆ และน่าสนใจในตลาดเครื่อง CPAP ตอนนี้ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงมากหากเทียบกับในตลาดแบรนด์อื่นหรือในแบรนด์ Resmed เอง เราจึงต้องค่อนข้างพิจารณาให้ดีเลย การมองถึงความคุ้มค่าระยะยาวหรือการใช้งานจริง ๆ แบบไหนที่ตอบโจทย์มากกว่ากันแอดมินสรุปมาได้ดังนี้ค่ะ

  • เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีความ Sensitive กับเครื่อง CPAP มาก ๆ เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับเครื่อง CPAP มาก่อน แอดมินแนะนำให้ลองเปิดใจตัว Airsense11 เลยค่ะอาจจะตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว
  • ต้องการลงทุนระยะยาว จ่ายจบทีเดียว ได้ครบ 3 ฟังก์ชันการรักษา
  • ต้องการความทันสมัย ความสะดวก ประหยัดเวลา มีฟังก์ชันครบมี Ai Promt สามารถ Self-Care-Check ด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องง้อผู้เชี่ยวชาญ
  • สามารถมอนิเตอร์ค่า CPAP ได้สะดวกทั้งผู้ใช้งานและคุณหมอ มี Report ที่ละเอียดคุณหมอสามารถทำการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น
  • ตัวเครื่องดีไซน์สวย วัสดุเบาและแข็งแรงขึ้น หน้าจอ Touch Screen ใช้งานง่าย
  • ประหยัดเวลาในการ Mainternance มากกว่ารุ่นอื่น ๆ
  • หากมี Budjet ในการลงทุน Airsense11 เป็น CPAP ที่น่าสนใจเหมาะสำหรับการใช้ระยะยาวและมือใหม่เริ่มใช้งาน CPAP

ข้อเสีย

  • ราคาสูงมากหากเทียบกับ CPAP รุ่นอื่น ๆ ในแบรนด์เดียวกันหรือแบรนด์อื่น ๆ
  • หากผู้ใช้งาน CPAP ที่ไม่ได้มีความ Sensitive มาก สามารถใช้ CPAP ที่มีอยู่มีฟังก์ชันการรักษาได้ดีอยู่แล้ว การขยับเป็น Airsense11 ก็อาจจะไม่คุ้มกับราคาที่จ่าย