fbpx

Sleep Test (Belun Ring แหวนอัจฉริยะ) บริการสลีปเทส ผ่านแหวนอัจฉริยะ ช่วยประเมินความเสี่ยง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ติดต่อเจ้าหน้าที่ ราคาเริ่มต้น 1,990.-

บริการทดสอบการนอนหลับ ด้วยแหวนอัจฉริยะ Belun Ring Sleep Test เพื่อตรวจหาอาการกรน ความผิดปกติระหว่างการนอน ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ OSA ทำได้ที่บ้านของท่าน ไม่มีความกดดัน ทำได้ง่าย

  • ทำที่บ้านของท่าน / เหมือนการนอนปกติ
  • รายงานผลสรุป, กราฟ, ช่วงวิกฤต และมีข้อแนะนำเป็นภาษาไทย
  • มี Sleep Report สามารถใช้ในทางการแพทย์
  • ไม่กดดันหากมี Fail Night สามารถทดสอบอีกคืนได้
  • ไม่ต้องรอคิวนอน
  • ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อ CPAP หรือหน้ากากได้

การตรวจวัดรวมถึง

  • วัดออกซิเจนในเลือด (Oximetry)
  • วัดอัตราการเต้นของชีพจร (Heartrate)
  • วัดคุณภาพการนอนหลับได้
  • วัดขั้นตอนการนอน
  • วัดค่าAHI (ดัชนีภาวะหารหยุกหายใจขณะหลับ)
  • วัดการเคลื่อนไหว รวมถึง ท่าทางการนอน
  • วัดค่าความเครียดขณะนอนหลับ

Sleep Test Type3 : ได้รับการยอมรับแพร่หลาย และ เป็นที่นิยมในหลายประเทศเนื่องจากคัดกรองอาการผิดปรกติส่วนมากได้ โดยมีการวัดค่าต่างๆ เหมือน Type1 ที่ทำในโรงพยาบาลยกเว้นการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง EEG, ลูกตา EOG, หัวใจ ECG

Categories: ,

Description

เงื่อนไข

  • มัดจำเครื่อง 5,000บาท คืนเงินเต็มจำนวน เมื่อคืนเครื่องมือในเวลาที่กำหนด และหลังจากตรวจเช็คเครื่อง Apnea Link Air แล้วไม่มีการชำรุดเสียหาย
  • บริการนี้เพื่อการ Sleep Test ต่อคนเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้ร่วม โดยระบบจะบันทึกการนอนคืนที่มากที่สุดเท่านั้น โดยจะลบคืนที่มีจำนวนการนอนน้อยกว่า
  • หากเกิด Fail Night เราเปิดโอกาสให้ท่าน Test ได้อีก 1ครั้งในคืนถัดไป แต่หากคืนที่1 ทำการนอนได้เกิน 4ชม.แล้ว และ Sensor ทำงานปกติ ไม่แนะนำให้ทำคืนที่สอง เพื่อป้องกันการซ้อนทับของข้อมูล
  • สามารถรับผล Digital (PDF ส่งทาง email, Line) หรือ/และแบบกระดาษ (รับได้ที่หน้าร้าน)
รายละเอียด ค่าใช้จ่าย หมายเหตุ
มัดจำเครื่องมือ (คืนเต็มจำนวน) มัดจำ 5,000บ. คืนเต็มจำนวนเมื่อคืนเครื่องมือ ตรงเวลา
(สงวนสิทธิ์ปรับ เพื่อประโยชน์ให้เครื่องได้ใช้กับผู้อื่นในคิวต่อไป)
ค่าใช้จ่าย Sleep Test ค่าใช้จ่าย 1,990บ. หากเป็น Fail Night เปิดโอกาสให้ทำ Sleep Test ในคืนที่2 ได้

คำถามที่พบบ่อย

Sleep Test มีกี่ระดับอะไรบ้าง?

Type 1 : ประเภทที่ 1 คือการทำ sleep test แบบทำที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์เป็นผู้ดูแลและมี sleep tech เฝ้าตลอดทั้งคืน

  • คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), คลื่นไฟฟ้าลูกตา (EOG), คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อคาง (EMG)
  • การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
  • ลมหายใจ (Airflow)
  • O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 2 : ประเภทที่ 2 คือการทำ sleep test แบบที่ทำนอกโรงพยาบาล ไม่ต้องมี Sleep tech ไม่ต้องเฝ้าตลอดทั้งคืน เพียงมีเจ้าหน้าที่เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ให้ อาจจะทำที่บ้านหรือคลินิกที่ร่วมกับโรงแรม แบบนี้จะดีที่คนไข้สามารถทำที่บ้านได้ (แล้วแต่คลินิก) ประหยัดค่าใช้จ่าย รอคิวน้อยกว่า

  • คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), คลื่นไฟฟ้าลูกตา (EOG), คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อคาง (EMG)
  • การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
  • ลมหายใจ (Airflow)
  • O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 3 : ประเภทที่ 3 คือการทำ sleep test แบบจำกัดข้อมูล ได้ข้อมูลไม่ครบเท่า Type 1 และ Type 2 แต่สำหรับคนที่ต้องการทราบอาการเบื้องต้น จะทำได้เลย รอคิวไม่นาน ประหยัดกว่า สำหรับคนที่ติดอุปกรณ์เยอะๆแล้วนอนไม่หลับ ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดี

  • วัดชีพจร (Heartrate)
  • การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
  • ลมหายใจ (Airflow)
  • O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 4 : ประเภทที่ 4 คือการทำ sleep test แบบวัดเฉพาะ O2 ในเลือด และลมหายใจขณะหลับ แบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด

  • ลมหายใจ (Airflow)
  • O2 ในเลือด (Oximetry)

Fail Night คืออะไร?

คือการที่ทำ Sleep test ในคืนนั้นของคนไข้ไม่สามารถอ่านผลได้ หรือเรียกว่า “เกิดความผิดพลาด” นั้นเอง การเกิด Fail Night มีสาเหตุมามาจาก

  1. อุปกรณ์มีปัญหา อุปกรณ์มีความผิดปกติ เครื่องชำรุดที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง จนไม่สามารถวาัดผลในคืนนั้นได้
  2. การติดอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง การติดอุปกรณ์ผิดวิธี ผิดตำแหน่ง ติดไม่แน่น จนทำให้หลุดออกระหว่างนอน
  3. เกิดจากคนไข้ สภาพร่างกายของคนไข้ไม่พร้อม เกิดความตื่นเต้น นอนไม่หลับ หรือนอนหลับน้อยกว่าเวลาที่กำหนด 4-6 ชม. (แล้วแต่เครื่องแต่ละที่) ทำให้เครื่องอ่านค่าขณะนอนหลับไม่ได้

ข้อควรปฏิบัติในการทำ Sleep test?

  1. คนไข้ควรอาบน้ำ สระผม มาให้เรียบร้อยก่อนติดอุปกรณ์
  2. คนไข้ควรทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนทำ sleep test (แต่หากต้องการเข้าห้องน้ำระหว่างคืนสามารถเข้าได้ปกติ)
  3. ห้ามคนไข้ดื่ม กาแฟอีน แอลกอฮอล์ หรือหากกินยาประจำตัวมาต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย
  4. ทำให้สภาพแวดล้อมเหมือนตอนนอนปกติที่สุด เพื่อให้ไม่กังวลจนเกินไป
  5. คนที่ทำเล็บเจล ต่อเล็บมา แนะนำให้ถอดออกหรือล้างออกก่อน เพราะจะมีผลต่อการวัด O2 ในเลือด

OSA คืออะไร?

OSA คือภาวะการหยุดหายใจจากการปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน คืออากาศถูกปิดทางเข้าปอด ทำให้ร่ายกายขาดออกซิเจน OSA สามารถวัดได้ด้วย ดัชนีการหยุดหายใจหรือ AHI เครื่อง CPAP ช่วยดันอากาศให้ช่องที่ปิดกั้นนี้เปิดให้อากาศสามารถไหลเข้าปอดได้ดีขึ้น ทำให้สุขภาพการนอนดี และออกซิเจนไปเลี้ยงสมองร่างกายดีขึ้น

คำศัพท์เบื้องต้น อาการหยุดหายใจ OSA นอนกรน ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ

  • OSA – Obstructive Sleep Apnea คือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการปิดกัน/ตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น ภาษาง่ายๆคือ มีการตีบตัน-บดบังทางเดินหายใจ เช่น โคนลิ้นหรือกล้ามเนื้อช่องคอหย่อน ปิดทางเดินหายใจ ภาวะนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยมากเกิดจากความอ้วน และอายุที่มากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหย่อนปิดกั้นทำให้อากาศไหลไปสู่ปอดได้น้อยลง-หยุดหายใจ โดยมากจะมีอาการนอนกรนร่วมด้วย ภาวะนี้เป็นอันตรายอย่างมาก ในระยะสั้นทำให้รู้สึกไม่สดชื่นเพราะขณะหลับออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ ทำให้เพลีย อารมณ์แปรปรวน ระยะยาวนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเกี่ยวกับสมอง ชาวบ้านอาจมีคำศัพท์ว่า “ไหลตาย” มีความเกี่ยวเนื่องกับ OSA
  • AHI – Apnea Hyponea Index คือ ดัชนีใช้ในการวัดการหยุดหายใจ (AI – Apnea Index) และ หายใจแผ่ว (HI – Hypopnea) โดยค่านี้เป็นการวัดระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ OSA โดยค่านี้จะเป็นหน่วยเป็น จำนวนครั้ง/ชม. เช่น ตัวผู้เขียนเองก่อนรักษามีค่า AHI = 41 หมายความว่า ตอนนอนมีการหยุดหายใจ/หายใจแผ่ว 41 ครั้ง/ชม. ซึ่งค่านี้ถือว่าอันตรายต้องรีบรักษา
    • AHI < 5 ปกติ คนทั่วไปอาจเกิดอาการหยุดหายใจได้ แต่ไม่ควรเกิน 5ครั้ง/ชม.
    • ≥5 AHI <15 ภาวะหยุดหายใจต่ำ อาจจะปรับท่านอน ออกกำลัง ลดน้ำหนัก
    • ≥15 AHI <30 ภาวะหยุดหายใจปานกลาง ควรเริ่มรักษา ควบคู่กับการควบคุมน้ำหนัก ใช้งาน CPAP
    • AHI ≥30 ภาวะหยุดหายใจรุนแรง จำเป็นต้องได้รับการรักษา เป็นระดับอันตรายกับร่างกายทั้งระยะสั้น และยาว รักษาด้วย CPAP, เครื่องทางทันตกรรม, ผ่าตัด ตามคำแนะนำแพทย์
  • SPO2 – ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด % ออกซิเจนในเลือด โดยค่านี้แปรผันกับค่า AHI ผู้ที่มี AHI สูงมีการหยุดหายใจสูงค่าออกซิเจนจะลดลงต่ำขณะหลับ ตย. ผู้เขียนก่อนมีการรักษามีค่า SPO2 อยู่ที่ 86% จากปกติตอนตื่นมีค่าอยู่ประมาณ 97% จะเห็นว่าอาการหยุดหายใจขณะหลับมีอันตรายกว่าที่คิดมาก

แบบประเมินอื่นๆ

อีไลฟ์ได้ทำแบบประเมินสุขภาพอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ของท่านในการรู้ตัวเอง เปลี่ยนพฤติกรรม ออกกำลังการรักษาสุขภาพให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

You may also like…