fbpx

อย่าละเลยที่จะฟังร่างกายของคุณ

สัญญาณอันตราย
ร่างกายของคุณมักจะเตือนคุณอยู่เสมอเมื่อมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปรกติอย่างมาก และทันทีทันใดเกิดขึ้น หากคุณรู้สึกมีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปรกติเช่น การมองเห็น การพูด การเดิน ความคิด การสื่อสาร อาการเจ็บหน้าอก หรือหายใจสั้นลง ต้องรีบติดต่อโรงพยาบาล หรือกู้ภัยในทันที อย่ารอให้อาการดีขึ้น เพราะหากเป็นอาการหัวใจวาย คุณจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด


ร่างกายของคุณอาจจะต้องการวันพักผ่อน
หากคุณรู้สึกว่าไม่พร้อมสำหรับการออกกำลังกายตามปรกติ ก็ควรงด หรือลดกิจกรรมลงบ้าง ความถี่ในการพักผ่อนก็ขึ้นอยู่กับความหนักหน่วงในการออกกำลังกายของคุณ และความรู้สึกของคุณ หากคุณไม่ได้มีอาการเจ็บปวดอยู่ การออกกำลังเบา ๆ ก็เป็นความคิดที่ดี


หรือว่าเป็นเพราะอายุ
อาการเจ็บปวดบางอย่างก็เกิดจากความสึกหรอ เสื่อมโทรมของร่างกายตามอายุ มันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณไม่ได้มีความแข็งแรง หรือยืดหยุ่นเหมือนเดิมอีกแล้ว หมอนรองกระดูกในส่วนต่าง ๆ เริ่มสึก หรือบางลง ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บปวด และจำกัดการเคลื่อนไหวร่างกายของคุณ การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยรักษาสุขภาพโดยรวมได้ แต่หากความเจ็บปวดนั้นยังไม่หายไป การพบแพทย์เป็นสิ่งที่เราขอแนะนำ

ชีพจรเต้นไม่ปรกติ
คุณอาจจะรู้สึกวิงเวียน หรือหน้ามืดจากการที่หัวใจเต้นเร็ว พลิ้ว หรือช้ามาก หากมันเกิดขึ้นนานกว่าสองสามนาที หรือเปิดขึ้นค่อนข้างบ่อย อาจจะเป็นอาการเริ่มแรกของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเจ็บหน้าอกรุนแรง หรือพูดลำบาก เดินลำบาก อาจจะหมายความว่าคุณกำลังหัวใจวาย หรือเส้นเลือดในสมองอุดตัน ให้พบแพทย์โดยด่วน หากการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ กลายเป็นสิ่งที่ยาก และทำให้หัวใจคุณเต้นเร็วขึ้น และนานขึ้นกว่าปรกติ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย
อาการเหนื่อยล้าหมดแรง
หากคุณอยู่ใต้สภาวะกดดัน ความเครียดเป็นเวลานาน ๆ คุณจะรู้สึกว่ามีกำลังลดลง ปวดหัว ท้องปั่นป่วน หรืออาการอื่น ๆ ที่ทำให้เรื่องที่เคยเล็ก ๆ กลับทำความลำบากใจให้คุณ นั่นหมายความว่าคุณจะต้องเริ่มจัดการกับความเครียดนั้น เช่นการออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์ที่ดี ทำสมาธิ ยิ้มและหัวเราะ หยุดพักจากเรื่องที่ทำให้เครียด

สภาวะอารมณ์
ทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่จิตตก และวิตกกังวล แต่เมื่อคุณมีความรู้สึกแบบนั้น มันจะมีผลกระทบกับร่างกายของคุณไปด้วย พร้อม ๆ กับอารมณ์ คุณอาจสังเกตได้ว่าเวลาคุณวิตกกังวลคุณอาจจร้องไห้ ขังตัวเอง ไม่ทำในสิ่งที่รัก กล้ามเนื้อหดเกร็ง มีความลำบากในการทำสมาธิ และอาจจะนอน หรือกินมากขึ้น (หรือน้อยลง) กว่าปรกติ เหล่านั้นคือสัญญาณที่บอกว่าควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
ความอยากอาหารเปลี่ยนไป
หากคุณพบว่าตัวเองกินอาหารมากขึ้น หรือน้อยลงกว่าช่วงเวลาปรกติ ร่างกายคุณอาจจะบอกคุณว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว อาจจะเป็นเพราะความเครียด แล้วกินมากขึ้นเพราะอารมณ์พาไป หรืออยู่ภายใต้ภาวะกดดันทำให้กินอาหารไม่ได้ บางสภาวะรวมถึงอายุที่มากขึ้นก็มีผลต่อการกินอาหารเช่นกัน การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีสีสัน มีเครื่องเทศมากขึ้นก็ช่วยได้ แต่ถ้ามันไม่ช่วยก็ควรปรึกษาหมอให้ช่วยได้
แค่ปวดเมื่อย หรือถึงขั้นบาดเจ็บ
การออกกำลังกายในยิมอาจจะทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบ้าง แต่ถ้ามันมีอาการอยู่นานหลายวันนั่นหมายถึงคูรออกกำลังกายหนักเกินไป เร็วเกินไป หรือนานเกินไป และเกิดการบาดเจ็บ ควรหยุดรอให้หายดีเสียก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายอีกครั้ง ดังนั้นการรักษาสุขภาพให้ดี ควรออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเริ่มจากเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ
หยุด
เมื่อคุณกำลังออกกำลังกาย แล้วร่ายกายคุณตะโกนว่า “หยุด” โปรดฟังมัน เพราะคุณอาจจะทำกระดูกหัก หรือทำให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบาดเจ็บ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • นอนลง ลดแรงกดต่อตำแหน่งที่เจ็บ
  • ประคบน้ำแข็งประมาณ 20 นาที
  • พันด้วยผ้าพันยืดเพื่อช่วยรองรับ
  • ยกส่วนที่เจ็บขึ้นสูง (สูงกว่าจมูกถ้าเป็นไปได้)

หากความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น อาการแย่ลง หรือมีไข้หนาวสั่น หรือยังรู้สึกเจ็บปวดหลังจากผ่านไปสองสัปดาห์แล้วควรไปพบแพทย์
ปัญหาการนอนหลับ
คุณมีปัญหาในการนอนหรือไม่ คุณพลิกไปพลิกมาทั้งคืนหรือไม่ ร่างการคุณอาจจะต้องการการพักผ่อนมากกว่านี้ ลองวิธีแก้ไขง่าย ๆ ก่อน โดยเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกวัน นอนหลับสนิทให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมง ทำห้องให้เย็น อย่าเปิดทีวีหรือดูโทรศัพท์ก่อนเข้านอน การทำงานอย่างกระฉับกระเฉงในช่วงกลางวันก็ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการกินอาหารหนัก ๆ และอาหารจำพวกชา-กาแฟ ใกล้เวลานอน เท่านี้ก็น่าจะช่วยได้แล้ว หากยังมีปัญหาการนอนหลับอยู่ก็ควรไปพบแพทย์


อาการเจ็บปวดที่ไม่เคยหายสักที
หากคุณพบว่ามีอาการเจ็บปวดไม่ว่าจะเจ็บร้าว เจ็บแปลบที่มันเป็นอยู่เรื่อย ๆ ไม่หายสักที อย่าอดทนกับมัน หรือแค่ทายาให้ทุเลาลง คุณต้องหยุดมันก่อนที่จะลุกลามเป็นอาการที่หนักหนามากขึ้นจนถึงขั้นเรื้อรัง คุณหมอจะช่วยหาสาเหตุ และรักษามัน อาจจะต้องมีการทำกายภาพในบางกรณีเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น
ก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นมาใหม่
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่มีก้อนเนื้อที่เต้านม หรือเป็นผู้ชายที่มีก้อนเนื้อที่อัณฑะ คุณควรให้หมอตรวจดูเพราะคุณไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรโดยใช้แค่ความรู้สึก มันไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะเป็นก้อนมะเร็ง แต่สำคัญคือต้องหาให้เจอเสียก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จำเป็นต้องทำการรักษา
ปฏิกิริยาที่ไม่ดีนัก
บางทีคุณอาจจะคิดว่าคุณเริ่มแพ้เกสรดอกไม้ หรือแลคโตสหรือกลูเต็น หรือรู้สึกว่าผิวแห้ง คันอย่างทันทีทันใด อาการเหล่านี้อาจจะหาข้อสรุปได้โดยง่าย แต่มันเป็นการดีกว่าที่จะแพบแพทย์และให้แพทย์ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงแห่งการแพ้นั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเกิดอาการ และวิธีแก้ไขเมื่อเกิดอาการนั้นอีก
จงเชื่อในร่างกายของคุณ
คุณรู้จักร่างกายของคุณดีตลอดทั้งตัว รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรในวันดี ๆ และรู้สึกแย่อย่างไรในวันที่ป่วย มันแสดงออกให้คุณรู้ผ่านร่างกาย เช่นการกัดฟันแน่นเมื่อเครียด ปวดกล้ามเนื้อน่องเมื่อไปเล่นกีฬาช่วงวันหยุด ไปจนถึงอาการที่รุนแรงบางอย่าง บางครั้งมันยากที่คุณจะบอกได้ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษา
จะช่วยหมอของคุณได้อย่างไรบ้าง
เมื่อคุณไปพบแพทย์เพื่อที่จะหาสาเหตุแห่งโรคหรืออาการที่คุณประสบอยู่ มีบางอย่างที่จะช่วยให้คุณหมอวินิจฉัยได้ถูกต้องมากขึ้นเช่น จดอาการทั้งหมดที่คุณเป็นอยู่ เวลาที่เริ่มมีอาการ อะไรที่ช่วยทุเลาอาการได้ อะไรที่ทำให้อาการแย่ลง และวิธีที่คุณทำไปแล้วบ้างเพื่อช่วยเหลือตัวเอง บอกถึงสิ่งที่คุณกินเข้าไป รวมถึงวิตามิน อาหารเสริม ยาที่ซื้อมากินเอง และอย่าลืมคำถามต่าง ๆ ที่คุณสงสัยและต้องการถามคุณหมอด้วย